เรื่องย่อ

In the Realm of the Senses หนังเซ็กสยอง ที่กำกับโดย Nagisa Oshima ผู้กำกับจอมขบถของญี่ปุ่น หนังถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1976 แต่ในเรื่องเป็นช่วงปี ค.ศ.1936 โดยในหนังเรื่องนี้คุณจะได้พบกับความเซ็กส์ที่โจ่งแจ่งเห็นกันแบบถึงลูกถึงคน จะเรียกว่าเป็นหนังโป๊เลยก็ว่าได้ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้กระตุ้นอารมณ์ทางเพศเลย กลับกับหนังเรื่องนี้จะทำให้เซ็กส์เสื่อมเอา พูดตามตรงว่าผมดูหนังเรื่องนี้จบ ผมเองก็เสื่อมไปซักพักเลย ฮา

หนังเรื่องนี้คุณจะไม่มีทางดูรู้เรื่องเลยถ้าหากคุณไม่ทราบประวัติของญี่ปุ่นที่อยู่ในหนัง เพราะหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สร้างจากเรื่องจริง ฉะนั้นผมจะเล่าให้ฟังนิดหน่อยในสมัยช่วงสงครามโลกครั้งที่2 มีคดีชื่อดังอยู่คดีหนึ่ง ซาดะ(นางเอก)ถูกจับกุมหลังจากฆ่าแฟนหนุ่มของตัวเองแล้วตัด ”จู๋” ของแฟนเธอมาพกไว้กับตัวเป็นเวลา 4 วันถึงตำรวจจะมาจับเธอ โดยที่เธอไม่ได้พยายามหลบหนี หรือมีอาการหวาดกลัวเลย พร้อมกับ “จู๋” ในสภาพเน่าเปื่อย คดีนี้เป็นกรณีที่แปลกมากเพราะแทนที่เธอจะถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร แต่เธอกลับถูกยกย่องว่าเป็น “วีรสตรี”

โดยเรื่องราวใน In the Realm of the Senses เริ่มขึ้นที่ ซาดะ หญิงผู้มีอดีตเคยเป็นโสเภณีเก่า ขณะนี้เธอย้ายมาทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดธรรมดาๆ ในโรงเตี้ยม จนวันหนึ่งสามีของเจ้าของโรงเตี้ยม “คิชิ” ได้รู้จักกับซาดะ เขาจีบซาดะด้วยความรวดเร็ว เอ…ไม่น่าจะเรียกว่าจีบนะ ผมว่าน่าจะเรียกว่าจับอึ๊บเลยมากกว่า โดยซาดะดูจะมีความสุขมากที่ถูกคิชิเห็นเธอเป็นเครื่องรับรองทางเพศของเขา ทั้งคู่เริ่มแอบไปมีเพศสัมพันธ์กันบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ในช่วงนี้คิชิดูจะเป็นคนคุมเกมทุกอย่างได้หมด ตามภาษา Playboy เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆโดยที่รูปแบบของความสัมพันธ์เป็นแบบ “อาเสี่ยเลี้ยงต้อย” โดยที่ซาดะเป็นแค่เครื่องรับรองทางเพศเท่านั้น จนวันหนึ่งเกิดจุดเปลี่ยนขึ้นเมื่อซาดะหยิบกรรไกรมาขู่คิชิว่าเธอไม่อยากให้คิชิไปมีอะไรกับภรรยาแล้ว ถ้าตัดจู๋คิชิแล้วเก็บเอาไว้เอง จู๋ของคิชิคงเป็นของฉันคนเดียว หลังจากนั้นดูเหมือนคิชิจะเริ่มคิดหนักกับการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาตัวเอง จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจหนีตามซาดะ และหายไปจากโรงเตี้ยมที่เป็นบ้านของตัวเองไปเลย ทั้งคู่ไปเช่าห้องที่นู้นที่นี้อยู่และมีเพศสัมพันธ์กันตลอดเวลา ซ้ำยังงเรียกเกอิชามานั่งดู ตัวเองที่มีเพศสัมพันธ์กัน บางครั้งก็จับเอาเกอิชามาผสมโรงด้วยเลย

ทั้งคู่มีอะไรกันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ในช่วงนี้รูปแบบความสัมพันธ์เริ่มจะกลายเป็น “ความรักความหลงซึ่งกันและกัน” อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่จากการที่ไม่ได้อยู่บ้านแล้ว คิชิจึงไม่มีเงินใช้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แล้วการอยู่ด้วยกันเช่าห้อง หรือจ้างเกอิชาก็ต้องใช้เงิน ซาดะจึงต้องเป็นคนหาเงิน โดยการขายตัว สถานภาพเริ่มกลับกับเมื่อฝ่ายหญิงกลายเป็นผู้หาเงิน แล้วฝ่ายชายกลายเป็นฝ่ายที่ถูกสั่งให้รออยู่ในห้องจนกว่า เธอจะกลับมา ทั้งคู่ยังคงเป็นของกันและกันอยู่ต่อไป

แต่ความสัมพันธ์ค่อยๆเปลี่ยนไป เมื่อซาดะเริ่มจะกลายเป็นคนคุมเกม ซาดะเป็นคนเริ่มต้นการมีเพศสัมพันธ์ ซาดะสั่งให้คิชิทำนู้นทำนี้ได้ คิชิเริ่มจะกลายเป็นทาสทางกามของซาดะไปซะแล้ว ในช่วงแรกดูเหมือนคิชิจะพยายามขัดขืน ด้วยการไประบายออกกับคนอื่น เช่นการไปข่มขืนคน เสริฟสาเก แต่สุดท้ายคิชิก็กลายเป็นยอมแก่ซาดะอย่างไม่อึดอัดอีกต่อไป รูปแบบความสัมพันธ์จึงแปรเปลี่ยนกลับกันกลายเป็น “ฝ่ายหญิงเลี้ยงต้อยฝ่ายชาย” เมื่อซาดะกลายเป็นคนคุมเกม ความวิปริตวิปลาสก็เกิดขึ้น เริ่มมีเพศสัมพันธ์กันอย่างซาดิสขึ้นเรื่อยๆ ให้ตบตี หยิก บีบคอ ไปด้วยในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ เมื่อคิชิยอมให้ซาดะทำทุกอย่างแล้ว ซาดะก็ยังไม่พอใจ จนสุดท้าย ซาดะขอฆ่าคิชิ ซึ่งแน่นอนว่าคิชิไม่ยอม แต่ไปๆมาๆ ดูเหมือนว่าคิชิจะปลงตกและสุดท้ายก็ยอมให้ซาดะบีบคอตัวเองจนตาย หลังจากที่ตายแล้วซาดะก็เอามีมาตัดจู๋ของคิชิ แล้วเอาเลือดมาเขียนบนหน้าอกชิคิว่า “ซาดะ คิชิ ตลอดไป”

หลายคนคงงงว่า แล้วเธอเป็น “วีรสตรี” อย่างไร ถ้าตามความจริงในญี่ปุ่นนั้น ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน หาข้อมูลไม่ได้ แต่ในหนังเรื่องนี้เขาสะท้อนให้เห็นเกี่ยวกับความรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเพศ ชาย และหญิง ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันว่าที่ญี่ปุ่นนั้น ผู้หญิงที่มีคุณค่าที่สุดคือเกอิชา ซึ่งก็คือผู้หญิงขายตัวนั้นเอง ฉะนั้นเพศหญิงในญี่ปุ่นจึงเป็นเพศที่จะถูกกดขี่เป็นอย่างมาก ดังจะเห็นในเรื่องนี้ พระเอกนั้นจะอึ๊บใครก็ได้ ไม่ใช่เรื่องยากเลย ในช่วงแรกหากเราตั้งใจดูจะรู้เลยถึงความกดขี่ที่พระเอกทำต่อนางเอก ถกกระโปรงกันดื้อๆ จับอึ๊บกันดื้อๆ แต่แล้วความสัมพันธ์มันก็ค่อยๆเปลี่ยนไปกลายเป็น ซาดะเนี่ยแหละที่กดขี่คิชิ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นนัยยะ หรือสัญลักษณ์ว่า ตัวนางเอกนั้นได้กลับกลายเป็นผู้ชายไปแล้ว ส่วนคิชิก็กลายเป็นผู้หญิงผู้สมยอมไปซะทุกอย่างเสียแล้ว จะเห็นความอึดอัดที่คิชิจะต้องแบกรับไว้อย่างตลอดในช่วงท้ายๆของหนัง ความเป็น “วีรสตรี” ของซาดะจึงน่าจะมาจากความสะใจของฝ่ายหญิงในญี่ปุ่นที่อึดอัดจากการถูกกดขี่มาตลอด ซาดะผู้ทำลายระบบจึงถูกยกย่อง โดยเฉพาะในยุคนั้นที่ญี่ปุ่นกำลังเป็นยุคบ้าทหาร บ้าชาติ ผู้หญิงยิ่งโดนกด เพราะชาติต้องการชายชาติทหาร

In the Realm of the Senses นี้น่าจะเรียกว่าเป็นหนัง Feminism ก็ว่าได้ โดยที่ Nagisa Oshima ผู้กำกับได้เสียดสีประเทศของเขาเองได้อย่างคมคาย คุณจะเห็นนัยยะที่ถูกซ้อนอยู่ในหนังอย่างมากมาย ตั้งแต่ความกดขี่ หรือความไม่สามารถจะเท่าเทียมกันได้ของทั้งสองเพศ หรือจะเรื่องลัทธิบ้าชาติ และรสนิยมทางเพศที่พิลึกพิลั่น ฯลฯ ทั้งหมดนี้ถูกแสดงออกมาในหนังได้อย่างมีเสน่ห์ หนังเรื่องนี้จึงถูกบรรจุไว้เป็นหนึ่งในสุดยอดหนังคลาสสิคได้อย่างไม่ต้องสงสัย